MA life in London


หนึ่งปีแล้ว เมื่อ 21-22 กันยาของปีที่แล้ว เป็นวันเปิดเทอมวันแรก และก็เป็นวันที่ย้ายเข้าบ้านในลอนดอนด้วย อีกไม่นานก็จะหมดสภาพนักศึกษาแล้ว แม้ช่วงขวบปีที่ผ่านมาจะไม่แน่ใจว่าตัวเองได้พัฒนาอะไรขึ้นบ้าง แต่ที่รู้สึกชัดมากๆ คือรู้สึกมีความสุข

ที่ว่าไม่แน่ใจว่าตัวเองพัฒนาไหม เพราะเมื่อมาเรียนแล้วพบว่าพื้นฐานตัวเองมีน้อยมาก การมาเรียนในหลักสูตรหนึ่งปี เรียนให้รอดนี่ไม่ยาก แต่เรียนให้ดีนั้นลำบากมาก เขาถึงได้บอกกันว่าหลักสูตรของอังกฤษค่อนข้างขึ้นกับผู้เรียนเป็นหลัก ปัญหาใหญ่คือ สิ่งที่เราเรียนป.ตรีมามันก็แทบเอามาใช้เป็นฐานของการเรียนโทที่นี่ไม่ได้เลย มันมีสิ่งที่เราควรรู้เป็นพื้นฐานเพื่อให้ต่อยอดได้ เช่น แนวคิดมาร์กซิสต์ที่อาจารย์แทบจะอ้างถึงในทุกคาบเพราะแม้ไม่ได้ใช้โดยตรงแต่นักคิดจำนวนมากที่เราศึกษาก็ได้รับอิทธิพลมา คีย์เวิร์ดและประวัติศาสตร์ความคิดจำพวก structuralism และ post-structuralism คือสิ่งที่ต้องรู้ก่อนมา ยังไม่นับคีย์เวิร์ดเฉพาะทางอีกกระบุงโกย สำหรับเราเองมาตะกุยหาความหมายเอาที่นี่ก็ค่อนข้างจะตามไม่ทัน เรา struggle ถึงขั้นแอบมีความคิดว่าอยากจะกลับไปเปิดคอร์สปูพื้นฐานสำหรับนักเรียนที่จะมาเรียนโทสายสังคมศาสตร์เลยทีเดียว เรามารู้ทีหลังจากเพื่อนที่มาเรียน pre-sessional course ที่เปิดสำหรับนักศึกษาที่ต้องเสริมทักษะภาษาอังกฤษว่า มันไม่ใช่หลักสูตรสอนทักษะฟังพูดอ่านเขียน แต่เขาสอนภาษาอังกฤษด้วยการปูพื้นพื้นฐานนักคิดหลักๆ ที่สายสื่อต้องเกี่ยวข้อง เช่น Foucault, Habermas หรือสอนเกี่ยวกับ Feminism ฯลฯ

ส่วนที่มีความสุขมากคือ บรรยากาศของมหาวิทยาลัยที่ทำให้เรารู้สึกว่า คำถาม ข้อสงสัย ความไม่พอใจในสิ่งต่างๆ ที่เรามักจะมีในใจนั้นมันไม่ใช่เรื่องผิดเลว เขาก็ถกก็ถามกันมาเป็นทศวรรษแล้ว โดยเฉพาะอาจารย์ที่ปรึกษาที่เน้นให้เฟ้นหาคำถามใหม่เรื่อยๆ ต่อยอดไปไม่หยุด เสรีภาพทำให้เรามีโอกาสตั้งคำถามกับคนที่มีพื้นฐานทัศนคติแตกต่างกันได้โดยไม่แปลกหรือต้องมีต้นทุนมากนัก ซึ่งโลกแบบที่ถูกหล่อเลี้ยงด้วยปัญหาเฉพาะหน้าตลอดเวลามันเบียดที่ตรงนี้ออกไป ดังนั้น แม้การเรียนจะเครียดเพราะความไม่เอาไหนของตัวเอง แต่ในส่วนลึก มันได้ผ่อนคลายมาก

เรารู้สึกขอบคุณผู้คนในชีวิตจำนวนมาก ตั้งแต่บุคคลทั้งหลายในชีวิตที่ยอมให้จากมา เพื่อนๆ ที่ทำให้รู้ว่ากำลังใจสุ่มสี่สุ่มห้าจริงๆ ก็ใช้การได้ เพื่อนที่ให้กำลังใจด้วยการมาทำตัวกากเป็นเพื่อนเพื่อให้เราไม่รู้สึกเดียวดายในความห่วย อาจารย์ที่คอยยืนยันถึงการสนับสนุนที่มีไม่อั้น ครอบครัวที่ให้กำลังใจและไม่เคยกดดันอะไรเลย และ Chevening ที่เปิดใจและใจกว้างให้เรามาเรียนสาขานี้

Comments