นักบินหายไป เครื่องบินออกไม่ได้

มีเวลาในวอชิงตัน ดีซีแค่สองวัน แต่อยากทำอะไรมากมายเต็มไปหมด 

ด้วยเหตุนี้ จึงเดินทางไฟลท์เช้าสุด แหกขี้ตาตื่นตีสี่ เพื่อจับเที่ยวบินเจ็ดโมงเช้า ปรากฏว่าถึงเวลาแล้วเครื่องออกไม่ได้ เพราะนักบินยังไม่มา

7.00 เริ่มแรก พนักงานรีบประกาศว่า ทีมลูกเรือสองคนที่ต้องทำหน้าที่บนเครื่องนี้ติดต่อไม่ได้ โทรไปมือถือแล้วไม่รับสาย ตอนแรกเราก็งงๆ ว่า ทำไมคนทั้งลำต้องวุ่นวายเพียงเพราะลูกเรือสองคนหายไป บางคนพลาดนัด บางคนต่อเครื่องไม่ทัน มารู้ในชั่วโมงถัดมาว่า สองคนนั้นเป็นนักบิน! 

7.30 พนักงานประกาศว่า คาดว่าจะดีเลย์หนึ่งชั่วโมง เพราะตอนนี้ติดต่อทางโรงแรมที่นักบินทั้งสองพักอยู่ได้แล้ว

8.00 พนักงานประกาศใหม่ ว่าอาจเลทไปแบบไม่มีกำหนด เพราะพ่อนักบินทั้งสองยังเงียบหายต๋อย

8.30 สายการบินเริ่มประกาศให้ผู้โดยสารเปลี่ยนไฟลท์ใหม่ และไม่มีคำตอบว่าเกิดอะไรกับนักบินที่หายไป

9.00 พนักงานประกาศว่า โอ้ ในที่สุดเราก็ติดต่อนักบินได้แล้วหลังจากแจ้งให้ทางโรงแรมช่วยตามปลุกให้ และให้เรียกตัวขึ้นมารับโทรศัพท์ (แล้วก่อนหน้านั้นมันอะไร!)

เกือบสิบโมง หลายคนเริ่มเปลี่ยนไฟลท์ได้ นักบินทั้งสองเดินลากกระเป๋ามา หน้าตาผมเผ้ายังยับแบบเพิ่งขยี้ออกมาจากเตียงนอน เราเริ่มหมดความมั่นใจเพราะไม่รู้ว่าเขาจะต้องเตรียมตัวเตรียมเครื่องนานเท่าไร และแน่นอนว่า เวลานั้นเกิดความรู้สึกไม่วางใจในความรับผิดชอบและความเป็นมืออาชีพ จึงเปลี่ยนเป็นไฟลท์อื่นที่เวลาไล่เลี่ยกัน

ที่อยากจะเล่าคือ พนักงานสายการบินให้ข้อมูลแบบละเอียดทุกเม็ด ซึ่งมีผลดีตรงเรารู้สถานการณ์ แต่ผลร้ายคือ บางช่วงข้อมูลที่เขาให้มามันตีกันเองจนคนสับสน เช่นว่าตกลงติดต่อนักบินและคอนเฟิร์มได้ไหมว่าจะเลทนานแค่ไหน ขณะที่มีแต่ข้อมูลที่เอามาวิเคราะห์อะไรไม่ได้ ก็ปล่อยข่าวให้คนรีบเปลี่ยนไฟลท์ ก่อนจะแจ้งให้คนระงับการเปลี่ยนไฟลท์ในเวลาถัดมาไม่กี่นาที

ถ้าจะโปร่งใส ก็น่าจะโปร่งใสเพราะข้อมูลนั้นมีความสำคัญ แต่บางทีการเปิดเผยข้อมูลแบบกากๆ ไม่ได้ช่วยทำให้มันโปร่งใสขึ้นเลย บางทีกลายเป็นการโยนขี้ให้คนอื่น หรือแค่ปกป้องตัวเองว่าทำดีที่สุดแล้ว (แต่ไม่เกิดผล)

อย่างไรก็ตาม วอชิงตัน ดีซี เป็นเมืองที่ดีมากๆ เลย

ศุกร์ 21 มีนาคม 2556 เวลาห้าทุ่มเกือบเที่ยงคืน

Comments

น้องนิ้วกลับมาเขียนบล็อก ^^
พี่แอมก็แว้บไปเขียนบ้าง
พยายามจะแว้บไปบ่อยๆ
ทำได้บ้างไม่ได้บ้าง
แต่ได้เขียนบล็อกแล้วสุขใจเนอะ
^^