life is tough

เขามักจะทบทวนกันตอนปลายปี-ต้นปี ใช่ไหม ว่าเราได้เรียนรู้อะไรบ้างจากปีที่ผ่านมา

จู่ๆ ก็คิดเรื่องนี้ขึ้นมาในเดือนสิบ ...
เราเรียนรู้และใช้ชีวิตมาอย่างไรบ้าง

คิดแล้วก็เศร้าบ้าง ประเมินจากตัวเอง ก็พบว่าเป็นปีที่ชีวิตหยุดนิ่งมาก ไม่มีโอกาสได้เดินทางไปไหน ไม่มีประสบการณ์ที่ทำให้รู้สึกดีกับตัวเองให้แช่มชื่นหัวใจ

เป็นปีที่เหนื่อยมากถึงมากที่สุด เพราะต้องปิดงานชิ้นใหญ่ๆ ที่ทำมาสามปี อยู่กับสมองตันๆ ที่คิดแก้ปัญหาบางเรื่องไม่ได้ และเริ่มโครงการใหม่ๆ ที่ออกจะบ้าๆ และฝันลมๆแล้งๆ รู้สึกว่าใช้พลังทุ่มเทไปกับงานชิ้นนี้จนหมดเวลาลัลล้า และเป็นปีที่เจอปัญหาหลายอย่างของคนรอบข้างที่ทำให้ชีวิตยากขึ้น กินพลังไป 18%

เป็นปีที่ปฏิเสธโอกาสการเดินทางไปประชุมไกลๆ ในประเทศในฝันสามครั้ง หันหลังวิ่งหนีโอกาสสมัครทุนเรียนไฮโซหนึ่งอัน

บนความไม่มี ไม่ได้ ไม่เป็น จะมองให้เห็นแต่มุมเศร้าๆ ก็ไม่ถูก เพราะวิถีต่างๆ เรามีโอกาสเลือกมันเอง และมีคนระหว่างทางคอยให้กำลังใจบ้างนิดหน่อย

ปีที่ผ่านมา เป็นปีที่ต้องการวิถีแบบจำศีล คือ มีเวลาและสมาธิให้สิ่งที่กำลังทำ แน่นอน มันนิ่ง มันไม่หวือหวา ออกจะซ้ำๆ จำเจกับการคิดทบทวนเรื่องเดิมๆ

ก็ถือเป็นปีที่เรียกร้องความอดทนให้ตัวเองสูงมากเพราะเมื่อไม่เจออะไรหวือหวา ชีวิตก็เหมือนย่ำอยู่กับที่ กับที่ กับที่ มันจำเป็นอย่างมากที่ต้องมีภูมิคุ้มกันพื้นฐานที่แข็งแรง เพื่อจะได้ไม่ต้องน้อยใจตัวเอง อิจฉาคนอื่น อยากได้อยากมีอยากเป็น และกลายร่างไปเป็นองุ่นเปรี้ยว

แต่ตอนนี้ ที่ไม่รู้ก็คือ
จริงๆ ภูมิคุ้มกันของตัวเรามันเข้มแข็งพอไหมน่ะสิ

Comments

bact' said…
โย่ว โย่ว
Niw Wong said…
ขนมด้วง 1984 ยังไงยังไง